มาตรฐาน MIL-STD-810H vs MIL-STD-810G ต่างกันยังไง
เคยเห็นสินค้าอย่างโน้ตบุ๊ก สมาร์ทโฟน หรืออุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์บางรุ่น โฆษณาว่า "ผ่านมาตรฐาน MIL-STD-810" ไหมครับ? สงสัยไหมว่ามันคืออะไร? ทำไมถึงเอามาเป็นจุดขายกัน? บทความนี้จะอธิบายแบบบ้านๆ ให้เข้าใจกันครับ
MIL-STD-810 คืออะไร? ทำไมต้องมี?
พูดง่ายๆ: มันคือ บททดสอบความอึด ที่กองทัพสหรัฐฯ เขาสร้างขึ้นมา เพื่อให้แน่ใจว่าอุปกรณ์ต่างๆ ที่ทหารจะเอาไปใช้ในสนามรบ หรือในสภาพแวดล้อมโหดๆ มันจะ ไม่พังง่ายๆ และทำงานได้จริง
ทำไมต้องโหด?: ลองนึกภาพทหารต้องเอาอุปกรณ์ไปใช้กลางทะเลทรายร้อนจัด, ขั้วโลกหนาวเหน็บ, กลางสายฝน, หรือบนรถที่วิ่งจนสั่นสะเทือนตลอดเวลา ถ้าอุปกรณ์ไม่ทนจริง ก็คงใช้งานไม่ได้แน่ๆ
สำคัญยังไงกับเรา?: ถึงจะเป็นมาตรฐานทหาร แต่หลังๆ มา บริษัทเอกชนก็นำมาตรฐานนี้มาใช้ทดสอบสินค้าของตัวเองมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่เน้นความ "ทนทานเป็นพิเศษ" (Rugged) เช่น โน้ตบุ๊กสำหรับงานภาคสนาม, เคสโทรศัพท์กันกระแทก, หรือกล้องแอคชั่นแคมป์ การมีป้าย MIL-STD-810 ติดอยู่ ก็เหมือนเป็น เครื่องการันตีระดับหนึ่ง ว่าอุปกรณ์ชิ้นนั้นถูกทดสอบมาแล้วว่าทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่เลวร้ายได้ดีกว่าอุปกรณ์ทั่วไป
เกมวัดด่านสุดหิน:
มาตรฐาน MIL-STD-810 ไม่ได้บอกว่า "ต้องสร้างของแบบนี้นะ" แต่จะบอกว่า "ต้องเอาของไปทดสอบแบบนี้ แล้วดูว่ารอดไหม" เหมือนเป็นการ ตั้งด่านทดสอบ ต่างๆ เช่น
- ทนร้อนจัด/เย็นจัดได้แค่ไหน?
- เจอฝนตกหนักๆ แล้วเป็นไง?
- ตกจากที่สูงแล้วยังใช้ได้ไหม?
- อยู่ในที่ฝุ่นเยอะๆ จะรอดหรือเปล่า?
- เจอแรงสั่นสะเทือนมากๆ แล้วจะพังไหม?
- อยู่ในที่มีความชื้นสูงๆ นานๆ ได้หรือไม่?
รู้จักรุ่น G กับ H: ต่างกันยังไง?
มาตรฐานนี้มีการอัปเดตเป็นระยะๆ เหมือนซอฟต์แวร์ในคอมฯ ของเรา รุ่นที่คนมักพูดถึงกันคือ MIL-STD-810G (ออกมาปี 2008/2014) กับรุ่นใหม่ล่าสุดคือ MIL-STD-810H (ออกมาปี 2019/2022)
แล้วรุ่น H มันดีกว่ารุ่น G ยังไง? (สรุปแบบเข้าใจง่าย)
รุ่น H ถือเป็นการ ปรับปรุงครั้งใหญ่ ทำให้การทดสอบมัน สมจริง และ เข้มข้น ยิ่งขึ้นไปอีก จุดเด่นๆ ที่เปลี่ยนไปคือ:
1.เน้นสถานการณ์จริงมากขึ้น: รุ่น G อาจจะเน้นทดสอบในห้องแล็บเป็นหลัก แต่รุ่น H จะพยายามจำลอง สถานการณ์ใช้งานจริงๆ มากขึ้น เช่น อุปกรณ์อาจจะเจอทั้งฝน ความร้อน และแรงกระแทกพร้อมๆ กัน ไม่ใช่ทดสอบทีละอย่าง
2.ทดสอบ "ช็อก" อุณหภูมิ: ไม่ใช่แค่ทดสอบว่าทนร้อนจัดหรือเย็นจัดได้ไหม แต่รุ่น H จะทดสอบการ เปลี่ยนแปลงอุณหภูมิแบบปุบปับ ด้วย เช่น จากห้องแอร์เย็นๆ ออกไปเจอแดดร้อนเปรี้ยงทันที อุปกรณ์จะรับไหวไหม ซึ่งสมจริงกว่า
3.ทดสอบการสั่นที่สมจริงกว่า: รุ่น H ทดสอบการสั่นสะเทือนที่ ซับซ้อนเหมือนจริง มากขึ้น (เขย่าหลายทิศทางพร้อมกัน ในช่วงความถี่ที่กว้างกว่า) เหมือนตอนอยู่ในรถยนต์ที่วิ่งทางขรุขระ หรือบนเครื่องบิน
4.ทดสอบในที่สูงกว่าเดิม: รุ่น H ทดสอบการทำงานในที่ สูงมากๆ ได้ (เผื่อใช้กับโดรนหรืออุปกรณ์ที่เกี่ยวกับอวกาศ)
5.1.ทดสอบฝน/ความชื้นที่โหดขึ้น: รุ่น H เพิ่มการทดสอบ ฝนที่สาดเข้ามาจากด้านข้าง (เหมือนตอนลมแรงๆ) และ ละอองน้ำเค็ม (สำหรับอุปกรณ์ที่ใช้ใกล้ทะเล)
6.มองภาพรวม "ทั้งชีวิต" อุปกรณ์: รุ่น H ไม่ได้ดูแค่ตอนใช้งาน แต่จะพิจารณาความทนทาน ตลอดอายุการใช้งาน ตั้งแต่การเก็บ การขนส่ง ไปจนถึงการใช้งานจริง
7.1. มีบททดสอบใหม่ๆ เพิ่ม: รุ่น H เพิ่มการทดสอบเฉพาะทางมากขึ้น เช่น ทดสอบการ กระแทกตอนขนส่งทางรถไฟ หรือทดสอบการ สั่นสะเทือนสำหรับอุปกรณ์ที่ติดตั้งบนเรือ โดยเฉพาะ
ทำไมต้องเปลี่ยนเป็นรุ่น H?
โลกเปลี่ยนไป เทคโนโลยีใหม่ๆ เกิดขึ้น (เช่น โดรน, อุปกรณ์ IoT) ก็ต้องมีวิธีทดสอบที่ทันสมัยตามไปด้วย
แก้ไขจุดที่ยังไม่ชัดเจนในรุ่น G ทำให้การทดสอบแม่นยำขึ้น
ทำให้มั่นใจได้มากขึ้นว่าอุปกรณ์จะทำงานได้ดีจริงๆ ในสภาพแวดล้อมที่หลากหลายและสมจริง
แล้วมันกระทบเรายังไง?
- ของดี (น่าจะ) แพงขึ้น: การทดสอบตามมาตรฐาน H มัน ซับซ้อนและแพงกว่า เดิม อาจทำให้สินค้าที่ผ่านการรับรองนี้มีราคาสูงขึ้นเล็กน้อย
- มั่นใจได้มากขึ้น: แลกกับราคาที่อาจสูงขึ้น เราก็ได้ความ มั่นใจมากขึ้น ว่าอุปกรณ์ที่ได้มาตรฐาน H นั้น ผ่านการทดสอบที่โหดและสมจริงกว่าเดิม โอกาสที่จะพังเพราะสภาพแวดล้อมแย่ๆ ก็น้อยลง
- ของเก่าอาจต้องทดสอบใหม่: อุปกรณ์ที่เคยได้แค่มาตรฐาน G อาจจะต้องนำไปทดสอบใหม่ตามมาตรฐาน H หากต้องการเคลมว่าผ่านมาตรฐานล่าสุด
- ต้องดูดีๆ: ไม่ใช่แค่เห็นคำว่า MIL-STD-810 แล้วจะเหมือนกันหมด การระบุว่าเป็นรุ่น H ถือว่าทันสมัยและน่าเชื่อถือกว่าในปัจจุบัน
โดยทางร้านเราก็มี สมาร์ทวอทช์ KOSPET ก็ได้รับรอง MIL-STD-810H ลองดูสินค้าได้ที่นี่ คลิก
สรุปง่ายๆ:
MIL-STD-810H คือ มาตรฐานวัดความอึดเวอร์ชันล่าสุด ที่เข้มข้นและสมจริงกว่ารุ่น G การที่อุปกรณ์ไหนผ่านมาตรฐานนี้ได้ ก็เหมือนผ่านการเข้าค่ายฝึกสุดโหดมาแล้ว ทำให้เราพอจะมั่นใจได้ว่ามันถูกออกแบบมาให้ทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หนักหน่วงได้ดีกว่าอุปกรณ์ทั่วไป เหมาะสำหรับคนที่ต้องการอุปกรณ์ที่พร้อมลุยไปกับคุณในทุกสถานการณ์!