Yaber T2 Plus โปรเจคเตอร์พกพา ที่มีแบตเตอรี่ในตัว
ยุคดิจิทัลที่ความบันเทิงและการทำงานสามารถพกพาไปได้ทุกที่ โปรเจคเตอร์พกพาจึงกลายเป็นอุปกรณ์ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยขนาดที่กะทัดรัด น้ำหนักเบา และความสามารถในการฉายภาพขนาดใหญ่ โปรเจคเตอร์พกพาจึงตอบโจทย์ทั้งการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือแม้กระทั่งการนำเสนองานนอกสถานที่ บทความนี้จะเจาะลึกทุกแง่มุมของโปรเจคเตอร์พกพา พร้อมคำแนะนำจากผู้เชี่ยวชาญในวงการ เพื่อให้คุณเข้าใจและเลือกซื้อได้อย่างเหมาะสม
โปรเจคเตอร์พกพาคืออะไร?
โปรเจคเตอร์พกพาคือโปรเจคเตอร์ขนาดเล็กที่มีน้ำหนักเบา ออกแบบมาเพื่อความสะดวกในการพกพาและใช้งานนอกสถานที่ มักมีขนาดเล็กกว่าโปรเจคเตอร์ทั่วไปอย่างเห็นได้ชัด บางรุ่นมีขนาดพอๆ กับสมาร์ทโฟน ทำให้สามารถใส่กระเป๋าเสื้อหรือกระเป๋าสะพายได้อย่างง่ายดาย โปรเจคเตอร์เหล่านี้ใช้เทคโนโลยีการฉายภาพที่หลากหลาย เช่น DLP, LCD, LED และเลเซอร์ ซึ่งแต่ละเทคโนโลยีก็มีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป
ข้อดีของโปรเจคเตอร์พกพา
- พกพาสะดวก: ขนาดเล็กและน้ำหนักเบา ทำให้พกพาไปใช้งานได้ทุกที่ เหมาะสำหรับกิจกรรมกลางแจ้ง การเดินทาง หรือการใช้งานในพื้นที่จำกัด
- ใช้งานง่าย: ส่วนใหญ่มาพร้อมกับการเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น HDMI, USB, Wi-Fi และ Bluetooth ทำให้เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ ได้ง่าย และบางรุ่นยังมีระบบปฏิบัติการในตัว ทำให้ใช้งานได้โดยไม่ต้องเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ภายนอก
- ฉายภาพขนาดใหญ่: แม้จะมีขนาดเล็กแต่สามารถฉายภาพได้ขนาดใหญ่ถึง 100 นิ้วหรือมากกว่า ขึ้นอยู่กับรุ่นและระยะห่างจากจอฉาย ทำให้ได้รับประสบการณ์การรับชมที่เต็มอิ่ม
- ความบันเทิงแบบพกพา: เหมาะสำหรับการดูหนัง ฟังเพลง เล่นเกม หรือดูคอนเทนต์ต่างๆ กับเพื่อนและครอบครัวได้ทุกที่ สร้างบรรยากาศการรับชมที่แตกต่าง
- การนำเสนองานนอกสถานที่: เหมาะสำหรับการนำเสนองานในที่ประชุมขนาดเล็ก หรือการนำเสนอแบบเคลื่อนที่ ช่วยเพิ่มความน่าสนใจในการนำเสนอ
- ประเภทของโปรเจคเตอร์พกพา
โปรเจคเตอร์พกพาแบ่งออกได้หลายประเภทตามเทคโนโลยีการฉายภาพและคุณสมบัติอื่นๆ ดังนี้ - DLP (Digital Light Processing): ใช้ชิป DMD (Digital Micromirror Device) ในการสร้างภาพ มีข้อดีคือภาพคมชัด คอนทราสต์ดี และมีขนาดเล็ก แต่บางครั้งอาจมีปรากฏการณ์ "Rainbow Effect" (เห็นเป็นแถบสีรุ้ง) ในบางคน (อ้างอิงจาก Texas Instruments ซึ่งเป็นผู้พัฒนาเทคโนโลยี DLP)
- LCD (Liquid Crystal Display): ใช้แผง LCD ในการสร้างภาพ มีข้อดีคือสีสันสดใสและไม่มีปัญหา Rainbow Effect แต่คอนทราสต์อาจไม่ดีเท่า DLP มักพบในโปรเจคเตอร์ราคาประหยัด
- LED (Light Emitting Diode): ใช้หลอด LED เป็นแหล่งกำเนิดแสง มีข้อดีคืออายุการใช้งานยาวนาน (มากกว่า 20,000 ชั่วโมง) ประหยัดพลังงาน และมีขนาดเล็ก แต่ความสว่างอาจไม่สูงเท่าหลอดภาพแบบอื่นๆ เหมาะสำหรับการใช้งานในห้องมืด
- Laser (เลเซอร์): ใช้เลเซอร์เป็นแหล่งกำเนิดแสง ให้ภาพที่คมชัด สว่าง และมีสีสันสดใสที่สุด รวมถึงมีอายุการใช้งานที่ยาวนาน แต่ราคามักจะสูงกว่าโปรเจคเตอร์ประเภทอื่น เหมาะสำหรับการใช้งานที่ต้องการคุณภาพของภาพสูง
ปัจจัยที่ควรพิจารณาในการเลือกซื้อโปรเจคเตอร์พกพา
- ความสว่าง (Brightness): วัดเป็น ANSI Lumens ยิ่งมีค่ามากภาพก็จะยิ่งสว่าง เหมาะกับการใช้งานในสภาพแวดล้อมที่มีแสง หากใช้งานในห้องมืด 500 ANSI Lumens ก็เพียงพอ แต่หากใช้งานในที่ที่มีแสง ควรเลือก 1000 ANSI Lumens ขึ้นไป
- ความละเอียด (Resolution): คือจำนวนพิกเซลที่ใช้ในการสร้างภาพ ยิ่งความละเอียดสูงภาพก็จะยิ่งคมชัด เช่น HD (720p), Full HD (1080p), 4K (2160p) ควรเลือกความละเอียดที่เหมาะสมกับงบประมาณและความต้องการใช้งาน หากเน้นดูหนัง ควรเลือก Full HD เป็นอย่างน้อย
- อัตราส่วนคอนทราสต์ (Contrast Ratio): คืออัตราส่วนระหว่างส่วนที่สว่างที่สุดและส่วนที่มืดที่สุดของภาพ ยิ่งมีค่ามากภาพก็จะยิ่งมีมิติและดูสมจริง ควรเลือกอัตราส่วนคอนทราสต์ 1000:1 ขึ้นไป
- ขนาดภาพ (Image Size): คือขนาดของภาพที่ฉายได้ ขึ้นอยู่กับระยะห่างระหว่างโปรเจคเตอร์และจอฉาย ควรตรวจสอบระยะฉายของโปรเจคเตอร์ก่อนซื้อ เพื่อให้แน่ใจว่าสามารถฉายภาพในขนาดที่ต้องการได้
- ระยะฉาย (Throw Ratio): คืออัตราส่วนระหว่างระยะห่างจากโปรเจคเตอร์ไปยังจอภาพกับความกว้างของภาพ ยิ่งมีค่าน้อยยิ่งฉายภาพใหญ่ได้ในระยะใกล้ โปรเจคเตอร์ที่มี Throw Ratio ต่ำ เหมาะสำหรับใช้งานในพื้นที่จำกัด
- การเชื่อมต่อ (Connectivity): ควรมีพอร์ตเชื่อมต่อที่หลากหลาย เช่น HDMI, USB, ช่องเสียบหูฟัง รวมถึงการเชื่อมต่อไร้สายอย่าง Wi-Fi และ Bluetooth เพื่อความสะดวกในการเชื่อมต่อกับอุปกรณ์ต่างๆ
- อายุการใช้งานหลอดภาพ (Lamp Life): โดยทั่วไปหลอดภาพ LED และเลเซอร์มีอายุการใช้งานยาวนานกว่าหลอดภาพแบบอื่นๆ ควรตรวจสอบอายุการใช้งานของหลอดภาพก่อนซื้อ
- ระบบปฏิบัติการ (Operating System): โปรเจคเตอร์บางรุ่นมาพร้อมกับระบบปฏิบัติการ เช่น Android TV ทำให้สามารถติดตั้งแอปพลิเคชันต่างๆ ได้ เช่น Netflix, YouTube เพิ่มความสะดวกในการใช้งาน
- แบตเตอรี่ (Battery): โปรเจคเตอร์บางรุ่นมีแบตเตอรี่ในตัว ทำให้สามารถใช้งานแบบพกพาได้โดยไม่ต้องเสียบปลั๊กไฟ ควรตรวจสอบระยะเวลาการใช้งานของแบตเตอรี่ก่อนซื้อ
- ขนาดและน้ำหนัก (Size and Weight): ควรเลือกขนาดและน้ำหนักที่เหมาะสมกับการพกพา หากต้องการพกพาบ่อยๆ ควรเลือกโปรเจคเตอร์ที่มีขนาดเล็กและน้ำหนักเบา
วันนี้เราจะมาแนะนำโปรเจคเตอร์พกพา Yaber T2 Plus
เป็นโปรเจคเตอร์ที่มาพร้อมแบตในตัวพกพาไปไหนก็ได้ รับชมได้นานถึง 2.5 ชม. ฟังเพลงได้นาน 18 ชม. ค่าความสว่าง True 450 ANSI Lumens ให้คุณได้ภาพที่คมชัดมากขึ้น ใช้เวลาในการชาร์จเต็ม 3.5 ชม. หรือถ้าเปิดใช้งานไปด้วยจะใช้เวลา 5.5 ชม. มาพร้อมลำโพงคู่ JBL 5W รองรับ Dolby Audio ให้เสียงที่มีมิติ มอบประสบการณ์การรับชมที่เหนือกว่า 2 in 1 เป็นได้ทั้งหูหิ้วสำหรับยก-ถือ และเป็นฐานตั้งปรับระดับได้ 15° มาพร้อมระบบ Auto Focus & Auto Keystone Correction ใช้งานง่ายไม่ยุ่งยาก
ติดตั้งระบบ Google TV Dongle สะดวกต่อการใช้งาน โหลดแอปพลิเคชันอื่นเพิ่มได้ รองรับ Netflix (ลิขสิทธิ์แท้), Youtube, Prime Video และอีกมากมายมากกว่า 7,000 รายการ โปรเจคเตอร์ที่เกิดมาเพื่อสายแคมปิ้งโดยเฉพาะ มีแบตเตอรี่ในตัว ใช้งานได้นาน ไม่ง้อปลั๊กไฟ รับชมภาพได้อย่างเต็มตา และชัดเจนตั้งแต่ 40-120 นิ้ว เหมือนมีโรงหนังอยู่ที่บ้าน ภาพคมชัด 1080P ไดนามิกคอนทราสต์ 1500:1 เพิ่มอรรถรส และความสมจริงในการรับชม รองรับ NFC Screencast แชร์หน้าจอจากมือถือไปยังโปรเจคเตอร์ได้ง่ายๆ มาพร้อมกับ Wi-Fi 6 และ รุ่นใหม่ล่าสุด เสถียร ไหลลื่น ไม่มีสะดุด สามารถใช้ Google Assistant ควบคุมการสั่งการได้อย่างง่ายดาย เช่น ภาพยนตร์ เพลง และอื่นๆ เปลี่ยนโปรเจคเตอร์เป็นลำโพงได้ รองรับผ่าน Bluetooth 5.0 เชื่อมต่อกับอุปกรณ์ได้หลากหลาย ตอบโจทย์ทุกการใช้งาน พอร์ต USB 2.0 × 1, HDMI × 1, Audio Out × 1, RJ45 (LAN) × 1 ทั้งหมดนี้ในราคา 13,990 บาท พร้อมประกัน 1 ปี
สรุป
โปรเจคเตอร์พกพาเป็นอุปกรณ์ที่ตอบโจทย์ความบันเทิงและการทำงานแบบพกพาได้อย่างลงตัว การเลือกซื้อโปรเจคเตอร์พกพาควรพิจารณาปัจจัยต่างๆ อย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงงบประมาณ ความต้องการใช้งาน และสภาพแวดล้อม เพื่อให้ได้โปรเจคเตอร์ที่เหมาะสมที่สุด หวังว่าบทความนี้จะเป็นประโยชน์ในการตัดสินใจเลือกซื้อโปรเจค